Kru-yuri
วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2555
งานชิ้นที่ 2
ใช้กับเหตุการณ์
Present Simple Tense
โครงสร้างประโยค คือ Subject + Verb
1
1.
ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เป็นความจริงตลอดไปหรือเป็นความจริงตามธรรมชาติ
เช่น
The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ) .
Fire is hot. ( ไฟร้อน )
The sun rises in the east.( พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก ) .
Fire is hot. ( ไฟร้อน )
2. ใช้กับการกระทำที่ทำจนเป็นนิสัย มักจะมีกลุ่มคำที่มีความหมายว่า เสมอๆ
บ่อยๆ ทุกๆ อยู่ด้วย เช่น
I get up at six o’clock everyday. ( ฉันตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกาทุกวัน )
I get up at six o’clock everyday. ( ฉันตื่นนอนเวลา 6 นาฬิกาทุกวัน )
หลักการจำและนำไปใช้
1. ประธาน He, She, It หรือ 1 เดียวเท่านั้น
ต้องเติม s หรือ es ท้ายคำกริยาด้วย มีกริยาช่วย คือ does
2.
ประธาน
I, You, We,
They, หรือ 2 ขึ้นไป กริยาเหมือนเดิม มีกริยาช่วย คือ
do
3. do และ does ใช้ในประโยค
คำถามและปฏิเสธ
4.
ในประโยคมีคือ does กริยาไม่ต้องเติม
s / es
ชนิดของประโยค
ชนิดของประโยค
1. ประโยคบอกเล่า =
Subject +
Verb1 + (Object). เช่น
She
likes English .
Jack plays football
everyday.
I like Thai .
Jack and his friends play football
everyday.
2. ประโยคคำถาม
2.1 Yes/No
question
ใช้ Do, Does
+ ประธาน + กริยา ?
Does
she
like English?
Does
Jack
play football
everyday?
Do you
like Thai?
Do Jack and his
friends play football
everyday?
การตอบแบบ Short
answer
Yes, he/she/it
does.
No, he/she/it
doesn’t.
Yes,
I/you/we/they do.
No,
I/you/we/they don’t.
2.2
ใช้ Question
words
(What/
Where/ When / Why/ ……+ do/does + ประธาน
+ กริยา…….?) เช่น
What do you
eat for lunch? I eat noodles.
Where does Jim go Mondays? He goes to school.
How do they go to school? They go to school by school bus.
3.
ประโยคปฏิเสธ ใช้ do not
(don’t), does not (doesn’t) ตามด้วยคำกริยาแท้รูปเดิม I
don’t like Thai.
She doesn’t like English.
She doesn’t like English.
Jack doesn’t
play football
everyday.
หลักการเติม s ที่คำกิริยา
1.กริยาที่ลงท้ายด้วย
o, s, x, ch, ss, และ sh, ให้เติม es เช่น
pass - passes = ผ่าน brush - brushes =
แปรงฟัน
catch -
catches = จับ
go - goes = ไป
box - boxes = ชก
go - goes = ไป
box - boxes = ชก
2.กริยาที่ลงท้ายด้วย
y และหน้า y ไม่ใช่ a e i o u
ให้เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม es
study studies เรียน, cry - cries =
ร้องไห้, fry - fries = ทอด
3.
กริยาที่นอกเหนือจากที่ไม่เข้ากฎในข้อ 1 และ ข้อ 2 ให้เติม s ได้เลย
Exercise
Present Simple
Tense
Choose the
correct answer.
- She ___ four languages.
a. speak
b. speaks
- Jane is a teacher. She ___
French.
a. teach
b. teaches
- When the kettle ___, will
you make some tea?
a. boil
b. boils
- I always ___ the window at
night because it is cold.
a. close
b. closes
- Those shoes ___ too
much.
a. cost
b. costs
- The food in Japan is
expensive. It ___ a lot to live there.
a. cost
b. costs
- His job is great because he
___ a lot of people.
a. meet
b. meets
- He always ___ his car on
Sundays.
a. wash
b. washes
- My watch is broken and it
___ to be fixed again.
a. need
b. needs
- I ___ to watch movies.
a. love
b. loves
- I ___ to the cinema at least
once a week.
a. go
b. goes
- They never ___ tea in the
morning.
a. drink
b. drinks
- We both ___ to the radio in
the morning.
a. listen
b. listens
- He ___ a big wedding.
a. want
b. wants
- George ___ too much so he's
getting fat.
a. eat
b. eats
- The earth ___ round the sun,
doesn't it?
a. go
b. goes
- The shops in England ___ at
9:00 in the morning.
a. open
b. opens
- The post office ___ at 5:30
pm.
a. close
b. closes
- Jackie ___ two children
now.
a. has
b. have
- Mr. Smith ___ too much. He
always has a cigarette in his mouth.
a. smoke
b. smokes
- When the phone ___, please
answer it.
a. ring
b. rings
วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2555
เทคนิคการเล่านิทานเพื่อสอนภาษาอังกฤษ
นิทาน จัดว่าเป็นสื่อที่ดีเหมาะที่จะนำไปสอนภาษาอังกฤษ เนื้องจากเนื้อเรื่องน่าสนใจและภาพประกอบที่เพลิดเพลิน มีคติสินใจ เมื่อนำมาเล่าแล้วทำให้เด็กมีประสบการณ์ในการทำสิ่งที่ออกจากปากผู้เล่า จริงๆ ทั้งในส่วนคำพูดและท่าทางที่จะช่วยให้เด็กสนุกและเข้าใจเรื่องที่ฟัง จึงทำให้เด็กๆ สนใจอยากเรียนรู้ดังนั้นนิทานจึงเหมาะแก่การนำไปสอนเด็กๆ สนใจอยากเรียนรู้ ดังนั้นนิทานจึงเหมาะแก่การนำไปสอนเด็ก ซึ่งต่อไปนี้เป็นเทคนิคที่ครูสามารถ นำไปใช้ได้
การเลือกเรื่อง
1.เรื่อง ที่เลือกมาสอนต้องเป็นเรื่องที่เด็กสามารถมีกิจกรรมและมีส่วนร่วมกับเรื่อง ได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ครูจะเล่าเรื่อง เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจและอยากติดตาม
2.เนื้อเรื่องควรเป็นเนื้อเรื่องที่ครูชอบและคิดว่าเด็กชอบ รวมทั้งอาจเนเรื่องที่อยู่ในความสนใจในขณะนั้น
3.มีความยาวเหมาะกับเวลาที่สอน ควรให้จบในชั่วโมงนั้นๆ เพราะถ้ายาวมากจะทำให้เด็กเบื่อได้ ควรเลือกเรื่องที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากนิทานได้มากที่สุด
4.ควรเลือกเรื่องที่ครูสามารถเล่าได้ดี
การเตรียมตัวก่อนการเล่า
1.ต้องกระตุ้นอารมณ์ให้เด็กอยากทำในสิ่งที่ครูเล่าให้ได้มากที่สุด
2.พยายามให้เด็กได้ใล้ชิดกับครูมากที่สุดเพื่อให้เกิดความรู้สึกร่วมในการเล่าและฟังนิทานของครูและเด็ก
3.ลองจัดที่นั่งให้เด็กใหม่ หรือให้เด็กลงนั่งที่พื้นล้อมรอบตัวครูก็ได้ เพื่อสร้างบรรยากาศแปลกใหม่และพิเศษ
4.หา อุปกรณ์ที่ดึงดูดให้เด็กสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชั่วโมงนั้น เช่น นำตุ๊กตามาสมมติเป็นตัวละคร หรือการนำเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่องมาใส่ในขณะที่เล่า
5.นำเพลงที่ใช้ประกอบเนื้อเรื่องมาเปิด เพื่อใช้เสียงเพลงกระตุ้นความรู้สึกของเด็ก
6.ใน ชั่งโมงที่มีการเล่าให้เขียนบนกระดานว่า Story time ทุกครั้ง เพื่อให้เด็กรับทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น
7.นำอุปกรณ์ที่ครูนำมาประกอบเล่านิทานให้เด็กดูก่อนเริ่มเล่า เพื่อดึงดูดความสนใจและอาจเปิดโอกาสสอนคำศัพท์ของปอุปกรณ์แต่ละชิ้นไปด้วย
วิธีการเล่านิทาน
1.พูดคุยกับเด็กในหัวข้อที่เกี่ยวกับนิทาน อจเป็นประสบการณ์ของครูเองหรือของเด็กคนใดคนหนึ่งเป็นการเล่าสู่นิทานที่ดี
2.ให้เริ่มด้วยการบอกเด็กเป็นประโยคภาษาอังกฤษ เช่น I'm going to tell you a story about ...
3.เริ่มด้วยประโยค Onece upon a time ที่แปลว่า กาลครั้งหนึ่ง เพื่อเด็กจะสามารถจัดรูปแบบการเล่านิทานจากครูได้โดยไม่ต้องสอน
4.ก่อน เริ่มกิจกรรมการเล่านิทานให้เตรียมเด็กให้พร้อมเสียก่อน เมื่อเริ่มเล่าแล้วจะได้เล่าต่อไปเรื่อยๆ จนจบให้มีอารมณ์ต่อเนื่องไม่ติดขัด
สิ่งที่ครูควรทำ
1.เล่า นิทานด้วยความเป็นตัวของตัวเองเพื่อให้เด็กรู้สึกท่าทางการเล่าเป็นไปโดย ธรรมชาติ ควรมีการเตรียมการซ้อมมาก่อน เพื่อกันข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
2.ใช้ นำเสียงให้เหมาะกับเนื้อเรื่องและอารมณ์ของตัวละครที่สวมบทบาทอยู่ มีการใช้เสียงสูง ตำ เป็นจังหวะ โดยเมื่อถึงจุดสำคัญของเรื่องควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วรร่วมเป็นการตั้งคำ ถามเป็นภาษาอังกฤษในขณะที่เด็กกำลังอยู่ในอารมณ์ร่วมอยู่ โดยอาจใบ้เป็นท่าทางตามเรื่องเพื่อให้เด็กเกิดความสนุกสนานมากขึ้น
3.ควรใช้ท่าทางและสีหน้าประกอบการเล่า และพยายามให้เด็กมีโอกาส ทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวโดยอาจให้เด็กทำท่าทางตามตัวละครในเนื้อเรื่อง โดยมีครูเป็นผู้ออกเสียง พูดประโยคตามท่าทางนั้นอย่างช้าๆ เพื่อให้เด็กจำท่าทางและสำเนียงของภาษาพร้อมกับเพลิดเพลิน นอกจากนี้นักเรียนยังเกิดความรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเรียนรู้สนุกยิ่งขึ้น
4.ไม่ ต้องอ่านเร็วเพราะภาษาในหนังสือค่อนข้างสั้น อาจทำให้เด็กเข้าใจยาก และครูอาจอ่านนิทานเพลินจนลืมให้เด็กที่นั่งฟังมีส่วนร่วม
5.ครู ควรเตรียมคำศัพท์และวลีที่สำคัญที่คิดว่าเด็กสนใจ โดยครูอาจเตรียมท่องจำประโยคมาล่วงหน้า และสอดแทรกประโยคเพิ่มเติมตามสถานการณ์ขณะเล่า และจำไว้ว่าต้องเล่าอย่างมีชีวิตชีวา ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นนิทานของเด็กทุกคนในห้อง
The hare and the tortoise. กระต่ายกับเต่า
เจ้า กระต่ายกับเจ้าเต่าเรื่องโบราณ เป็นตำนาน เล่าเรื่อง ช่างมีชื่อ เจ้าเต่าตัวอย่างดี น่านับถือ ได้เลื่องลือพยายามเป็นดีมาก เจ้ากระต่าย ช่างขี้เซา และเย่อหยิ่ง นอนแอบอิง กับต้นไม้ที่โคนราก คิดแต่ว่า เจ้าเต่าช้า เดินได้ยาก เต่าช้ามากแต่ชนะ มุ่งมั่นจริง
การเลือกเรื่อง
1.เรื่อง ที่เลือกมาสอนต้องเป็นเรื่องที่เด็กสามารถมีกิจกรรมและมีส่วนร่วมกับเรื่อง ได้ดี โดยเฉพาะในช่วงที่ครูจะเล่าเรื่อง เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เด็กเกิดความสนใจและอยากติดตาม
2.เนื้อเรื่องควรเป็นเนื้อเรื่องที่ครูชอบและคิดว่าเด็กชอบ รวมทั้งอาจเนเรื่องที่อยู่ในความสนใจในขณะนั้น
3.มีความยาวเหมาะกับเวลาที่สอน ควรให้จบในชั่วโมงนั้นๆ เพราะถ้ายาวมากจะทำให้เด็กเบื่อได้ ควรเลือกเรื่องที่เปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาจากนิทานได้มากที่สุด
4.ควรเลือกเรื่องที่ครูสามารถเล่าได้ดี
การเตรียมตัวก่อนการเล่า
1.ต้องกระตุ้นอารมณ์ให้เด็กอยากทำในสิ่งที่ครูเล่าให้ได้มากที่สุด
2.พยายามให้เด็กได้ใล้ชิดกับครูมากที่สุดเพื่อให้เกิดความรู้สึกร่วมในการเล่าและฟังนิทานของครูและเด็ก
3.ลองจัดที่นั่งให้เด็กใหม่ หรือให้เด็กลงนั่งที่พื้นล้อมรอบตัวครูก็ได้ เพื่อสร้างบรรยากาศแปลกใหม่และพิเศษ
4.หา อุปกรณ์ที่ดึงดูดให้เด็กสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในชั่วโมงนั้น เช่น นำตุ๊กตามาสมมติเป็นตัวละคร หรือการนำเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่องมาใส่ในขณะที่เล่า
5.นำเพลงที่ใช้ประกอบเนื้อเรื่องมาเปิด เพื่อใช้เสียงเพลงกระตุ้นความรู้สึกของเด็ก
6.ใน ชั่งโมงที่มีการเล่าให้เขียนบนกระดานว่า Story time ทุกครั้ง เพื่อให้เด็กรับทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น
7.นำอุปกรณ์ที่ครูนำมาประกอบเล่านิทานให้เด็กดูก่อนเริ่มเล่า เพื่อดึงดูดความสนใจและอาจเปิดโอกาสสอนคำศัพท์ของปอุปกรณ์แต่ละชิ้นไปด้วย
วิธีการเล่านิทาน
1.พูดคุยกับเด็กในหัวข้อที่เกี่ยวกับนิทาน อจเป็นประสบการณ์ของครูเองหรือของเด็กคนใดคนหนึ่งเป็นการเล่าสู่นิทานที่ดี
2.ให้เริ่มด้วยการบอกเด็กเป็นประโยคภาษาอังกฤษ เช่น I'm going to tell you a story about ...
3.เริ่มด้วยประโยค Onece upon a time ที่แปลว่า กาลครั้งหนึ่ง เพื่อเด็กจะสามารถจัดรูปแบบการเล่านิทานจากครูได้โดยไม่ต้องสอน
4.ก่อน เริ่มกิจกรรมการเล่านิทานให้เตรียมเด็กให้พร้อมเสียก่อน เมื่อเริ่มเล่าแล้วจะได้เล่าต่อไปเรื่อยๆ จนจบให้มีอารมณ์ต่อเนื่องไม่ติดขัด
สิ่งที่ครูควรทำ
1.เล่า นิทานด้วยความเป็นตัวของตัวเองเพื่อให้เด็กรู้สึกท่าทางการเล่าเป็นไปโดย ธรรมชาติ ควรมีการเตรียมการซ้อมมาก่อน เพื่อกันข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
2.ใช้ นำเสียงให้เหมาะกับเนื้อเรื่องและอารมณ์ของตัวละครที่สวมบทบาทอยู่ มีการใช้เสียงสูง ตำ เป็นจังหวะ โดยเมื่อถึงจุดสำคัญของเรื่องควรเปิดโอกาสให้เด็กมีส่วรร่วมเป็นการตั้งคำ ถามเป็นภาษาอังกฤษในขณะที่เด็กกำลังอยู่ในอารมณ์ร่วมอยู่ โดยอาจใบ้เป็นท่าทางตามเรื่องเพื่อให้เด็กเกิดความสนุกสนานมากขึ้น
3.ควรใช้ท่าทางและสีหน้าประกอบการเล่า และพยายามให้เด็กมีโอกาส ทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวโดยอาจให้เด็กทำท่าทางตามตัวละครในเนื้อเรื่อง โดยมีครูเป็นผู้ออกเสียง พูดประโยคตามท่าทางนั้นอย่างช้าๆ เพื่อให้เด็กจำท่าทางและสำเนียงของภาษาพร้อมกับเพลิดเพลิน นอกจากนี้นักเรียนยังเกิดความรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลา ทำให้การเรียนรู้สนุกยิ่งขึ้น
4.ไม่ ต้องอ่านเร็วเพราะภาษาในหนังสือค่อนข้างสั้น อาจทำให้เด็กเข้าใจยาก และครูอาจอ่านนิทานเพลินจนลืมให้เด็กที่นั่งฟังมีส่วนร่วม
5.ครู ควรเตรียมคำศัพท์และวลีที่สำคัญที่คิดว่าเด็กสนใจ โดยครูอาจเตรียมท่องจำประโยคมาล่วงหน้า และสอดแทรกประโยคเพิ่มเติมตามสถานการณ์ขณะเล่า และจำไว้ว่าต้องเล่าอย่างมีชีวิตชีวา ให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นนิทานของเด็กทุกคนในห้อง
The hare and the tortoise. กระต่ายกับเต่า
เจ้า กระต่ายกับเจ้าเต่าเรื่องโบราณ เป็นตำนาน เล่าเรื่อง ช่างมีชื่อ เจ้าเต่าตัวอย่างดี น่านับถือ ได้เลื่องลือพยายามเป็นดีมาก เจ้ากระต่าย ช่างขี้เซา และเย่อหยิ่ง นอนแอบอิง กับต้นไม้ที่โคนราก คิดแต่ว่า เจ้าเต่าช้า เดินได้ยาก เต่าช้ามากแต่ชนะ มุ่งมั่นจริง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)